วิธีเลี้ยงทารกแรกเกิด เคล็ดลับเลี้ยงลูกน้อยสำหรับพ่อแม่มือใหม่
วิธีเลี้ยงทารกแรกเกิด ง่าย ๆ ช่วยให้พ่อแม่มือใหม่สามารถรับมือกับการเลี้ยงทารกแรกเกิดได้ง่ายขึ้น บอกเลยว่าการที่เรามีความรู้ ความเข้าใจลูก จะช่วยให้เราเลี้ยงลูกได้ง่ายขึ้นแน่นอน เพราะลูกเลี้ยงง่ายไม่ใช่โชคช่วย ทารกแรกเกิดจนถึง 1 เดือน ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดและเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะร่างกายยังอ่อนแอและยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จึงควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้สามารถเลี้ยงลูกน้อยได้อย่างมีความสุขและสบายใจ
วิธีเลี้ยงทารกแรกเกิด จนถึง 1 เดือน มีดังนี้
1. การกิน
ทารกแรกเกิดจนถึง 6 เดือน ควรได้รับนมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เพราะให้สารอาหารครบถ้วนและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารก ถ้าเป็นไปได้คุณแม่ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าแม่โดยตรง เพราะสะดวก ประหยัดทั้งเงินและเวลา แต่หากติดขัดจากปัจจัยอื่น ๆ คุณแม่ก็สามารถปั๊มนมแทนการเข้าเต้าได้ และสุดท้ายหากคุณแม่ไม่สะดวกให้นมแม่ สามารถใช้นมผงแทนได้ แต่ควรเลือกนมผงที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับวัยของทารก
ปริมาณนมที่เหมาะสมสำหรับทารกแรกเกิดจนถึง 1 เดือน ดังนี้
- วันแรกคลอด – วันที่ 2 ควรให้นมครั้งละ 1 ช้อนชา หรือ 5 cc โดยให้ 8-10 ครั้ง/วัน
- วันที่ 3 จนถึง 1 เดือน ควรให้นมครั้งละ 1-1.5 ออนซ์ โดยให้ 8-10 ครั้ง/วัน
- อายุ 1 เดือน ให้ปริมาณ 2-4 ออนซ์ แต่ให้ลดจำนวนครั้งลงเหลือ 7-8 ครั้ง/วัน
คุณแม่ควรให้นมลูกทุก 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อลูกแสดงอาการหิว เช่น ดูดนิ้ว อมมือ ขยับริมฝีปาก หรือร้องไห้
2. การนอน
ทารกแรกควรนอนวันละกี่ชั่วโมง? ทารกแรกเกิดมักนอนหลับมากกว่าตื่น เฉลี่ยประมาณ 16-19 ชั่วโมงต่อวัน โดยแบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 8-9 ชั่วโมง และนอนตอนกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง
- คุณแม่ต้องห่อตัวลูกเพื่อให้หลับสนิท ไม่ผวา เพราะเด็กแรกเกิดยังชินจากการอยู่ในท้องแม่
- โดยให้หัวสูงกว่าตัวเล็กน้อย เพื่อป้องกันอาการสำลัก
- และคุณแม่ควรจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการนอนของลูก เช่น ในตอนกลางวัน ต้องจัดสภาพแวดล้อมให้มีแสงสว่าง ทำกิจกรรมปกติ
- ส่วนในตอนกลางคืน ห้องนอนต้องเงียบสงบ มืด และเย็นสบาย การทำแบบนี้จะช่วยให้ลูกสามารถแยกกลางวัน กลางคืนได้เร็วขึ้น
3. การขับถ่าย
ทารกแรกเกิดควรถ่ายวันละกี่ครั้ง? ทารกแรกเกิดมักถ่ายอุจจาระบ่อยกว่าเด็กโต เด็กที่กินนมแม่จะถ่ายเหลวกว่านมผงเป็นปกติ เด็กเเรกเกิดจะปัสสาวะประมาณ 10-20 ครั้งต่อวัน เเละอุจจาระประมาณ 10 ครั้งต่อวัน ซึ่งหลังจากถ่ายขี้เทาออกหมดแล้ว อุจจาระของลูกแรกเกิดจะมีสีเหลืองอ่อนหรือสีเหลืองสด ไม่เป็นก้อน อาจจะมีมูก มีฟองเล็กน้อยถือว่าปกติ หากแม่ทานผักมาก อุจจาระลูกจะมีสีเขียวได้ ถือว่าปกติ แต่หากมีสีที่แปลกไปกว่านี้ และลูกร้องไห้งอแง มีไข้ ฯลฯ ที่ผิดปกติ ให้พาไปพบหมอ
4. การอาบน้ำ
ทารกแรกเกิดควรอาบน้ำวันละกี่ครั้ง? ทารกแรกเกิดควรอาบน้ำอุณหภูมิกี่องศา? คุณแม่ควรอาบน้ำให้ลูกทุกวัน โดยอาบน้ำให้ลูกในตอนเช้าหรือเย็น โดยใช้น้ำอุ่นประมาณ 36-37 องศาเซลเซียส ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกนานเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกหนาวได้ก่อนอาบน้ำ ควรเช็ดหน้าและมือลูกให้สะอาดก่อน จากนั้นอาบน้ำให้ลูกจากศีรษะลงมา โดยล้างหน้า คอ ลำตัว แขนขา และเท้าให้สะอาด เช็ดตามตัวให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ
5. การดูแลเสื้อผ้า
ควรเลือกเสื้อผ้าให้ลูกที่สะอาด ระบายอากาศได้ดี และเหมาะกับสภาพอากาศ ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกทุกวันเช้าเย็น หรือเมื่อเสื้อผ้าเปียกหรือสกปรก
6. การดูแลสะดือ
สะดือของทารกแรกเกิดจะแห้งและหลุดภายใน 7-10 วัน คุณแม่ควรทำความสะอาดสะดือของลูกด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อน ๆ เช็ดเบา ๆ ให้แห้ง และเช็ดสะดือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังอาบน้ำ หากสะดือของลูกมีเลือดหรือหนองออกมา ควรรีบพาไปพบแพทย์
7. การดูแลพัฒนาการ
ในช่วง 1 เดือนแรก ทารกจะพัฒนาการต่างๆ ดังนี้
- ร้องไห้เมื่อต้องการสิ่งต่างๆ เช่น กินนม หิว อึ หรือฉี่
- มองตามสิ่งเร้าที่อยู่ใกล้ๆ
- แสดงออกถึงความพึงพอใจหรือความหงุดหงิด
- พ่อแม่สามารถใช้ภาพสีขาวดำ ให้ลูกฝึกมอง กระตุ้นการมองเห็น เพราะวัยนี้จะเห็นภาพเป็นสีขาวดำชัดที่สุด
- และสามารถจ้องหน้าพูดคุยกับลูกใกล้ ๆ เพื่อให้ลูกจำเสียงและจำหน้าได้
คุณแม่ควรสังเกตพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติใด ๆ ควรรีบพาไปพบแพทย์
8. การดูแลสุขภาพ
คุณแม่ควรพาลูกไปตรวจสุขภาพกับแพทย์เป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้แพทย์ตรวจดูพัฒนาการของลูกและตรวจหาโรคหรือความผิดปกติต่างๆ นอกจากนี้ คุณแม่ควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงด้วย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การเลี้ยงเด็กแรกเกิดจนถึง 1 เดือน อาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณแม่มือใหม่ แต่หากคุณแม่มีความตั้งใจและเอาใจใส่ ลูกน้อยก็จะเติบโตอย่างแข็งแรงและมีความสุข
อ่านเคล็ดลับเลี้ยงลูก และความรู้อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: https://www.momandkids.club/
ขอบคุณที่มาเพิ่มเติม: https://www.samitivejhospitals.com/